e-Living Will: กุญแจสำคัญสู่การตายอย่างมีศักดิ์ศรี?


VIEW: 129   SHARE: 0    
เผยแพร่โดย:   by  

มาตรา 12 ของพ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 เป็นหลักการสำคัญในการส่งเสริมสิทธิหน้าที่ด้านสุขภาพของประชาชนชาวไทยมาอย่างยาวนาน เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนหรือบุคลหรือมนุษย์ทุกคนได้แสดงถึงสิทธิในการแสดงเจตนาการไม่รับบริการที่ไม่ต้องการในระยะท้ายของชีวิต ทั้งการใส่ท่อ การเจาะคอ การยื้อชีวิตด้วยอุปกรณ์ทาง การแพทย์ที่พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยสารอาหาร ยา ยามุ่งเป้า นานับชนิด ด้วยการดูแลรักษาในหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบองค์รวม แบบเจาะเจาะจงต่อโรค โดยอาจจะลืมถามความต้องการของคนไข้หรือผู้ป่วย ซึ่งอาจได้รับความทรมานจากการรักษาหรือการบริการเหล่านั้น

         ในขณะที่เทคโนโลยีต่างๆ พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีด้านข้อมูลก็พัฒนาไปพร้อมๆ กันด้วย สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) หน่วยงานของรัฐในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีภารกิจตามมาตรา 12 ในการส่งเสริมให้ประชาชนรับรู้ถึงสิทธิและการจัดทำหนังสือการแสดงเจตนาในระยะสุดท้ายของชีวิตตนได้ ได้จัดทำเป็นตัวอย่างหนังสือแสดงเจตนาฯ และส่งเสริมให้ประชาชนได้แสดงความต้องการครั้งสุดท้ายของชีวิต (Living Will) ในรูปแบบเอกสารมาตั้งแต่มีพ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ ปีพ.ศ. 2550 ในขณะเดียวกันก็ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขจัดทำ “คู่มือผู้ให้บริการสาธารณสุข กฎหมายและแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย[2] ตามประกาศกฎกระทรวงสำหรับสถานบริการสาธารณสุข ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ของสถานบริการสาธารณสุข ในปีพ.ศ. 2553 ซึ่งประกาศดังกล่าวและหนังสือแสดงเจตนาฯ ที่ประชาชนได้จัดทำสามารถใช้ร่วมกันได้แล้วในยุคสมัยที่เทคโนโลยีดิจิทัลถึงพร้อมแล้ว รวมถึงความมั่นคงปลอดภัยของระบบไซเบอร์ (พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562) การดำเนินงานตามพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ.2562 การคุ้มครองข้อมูลสุขภาพตามมาตรา 7 ตามพ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 และ มาตรา 26 พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 

ข้อดีที่แตกต่างของหนังสือแสดงเจตนาฯ และ หนังสือแสดงเจตนาฯ แบบอิเลกทรอนิกส์

ข้อดีของ Living Will

ข้อดีของ e Living Will

1. ผู้ป่วยสามารถแสดงประความสงค์หรือความต้องการไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับวิธีการรักษาที่ตนปรารถนาหรือไม่ปรารถนา ในเวลาที่ตนไม่รู้สึกตัวหรือไม่สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ รวมทั้งความต้องการที่จะเสียชีวิตที่บ้าน หรือต้องการอยู่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัว ญาติมิตร คนใกล้ชิด

1. ผู้ป่วยสามารถแสดงประความสงค์หรือความต้องการไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับวิธีการรักษาที่ตนปรารถนาหรือไม่ปรารถนาเหมือน LW ปกติ แต่สามารถแก้ไข จัดเก็บ เรียกดูข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาจากระบบ โดยที่ผู้ตัดสินใจแทนและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหมอพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนกับระบบสามารถเรียกดูเอกสารดังกล่าวได้ทันทีเช่นกัน

2. ผู้ป่วยยังคงได้รับการดูแลจากแพทย์ พยาบาล เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบาย ช่วยบรรเทาความทรมานทางกายที่เกิดจากอาการเจ็บป่วยต่างๆ  ช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น

2. ผู้ป่วยยังคงได้รับการดูแลจากแพทย์ พยาบาล จากศูนย์ชีวาภิบาลหรือศูนย์ดูแลแบบประคับประคอง (Palliative Care Unit) เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ตรงตามเจตนาของผู้ป่วยที่ได้แสดงไว้ และแสดงถึงการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไข้และให้บริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ของเจ้าหน้าที่อย่างเป็นรูปธรรม

3. ผู้ป่วยไม่ต้องทนทรมานจากการรักษาที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เช่น การเจาะคอเพื่อใส่เครื่องช่วยหายใจ หรือการปั๊มหัวใจเมื่อผู้ป่วยอยู่ในสภาพร่างกายอ่อนแอ หรือเป็นผู้สูงอายุแล้ว

3. ผู้ป่วยไม่ต้องทนทรมานจากการรักษาที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เช่น การเจาะคอเพื่อใส่เครื่องช่วยหายใจ หรือการปั๊มหัวใจเมื่อผู้ป่วยอยู่ในสภาพร่างกายอ่อนแอ หรือเป็นผู้สูงอายุแล้ว และได้รับการดูแลพร้อมตายดีที่บ้านได้ถ้าระบุถึงความต้องการในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งในหลายเคส ผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับ ประคองที่บ้าน สามารถมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานกว่าผู้ป่วยที่เจาะคอที่ต้องนอนรักษาตัวในรพ.หรือห้อง ICU เท่านั้น

4. ช่วยลดความขัดแย้งหรือความเห็นที่ไม่ตรงกันของญาติ เกี่ยวกับวิธีการรักษาผู้ป่วย  เพราะผู้ทำหนังสือแสดงเจตนาสามารถแต่งตั้งบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้แสดงเจตนาแทนหรือตัดสินใจแทนผู้ป่วยได้

4. ช่วยลดความขัดแย้งหรือความเห็นที่ไม่ตรงกันของญาติ เกี่ยวกับวิธีการรักษาผู้ป่วย  เพราะผู้ทำหนังสือแสดงเจตนา ต้องแต่งตั้งบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นผู้ตัดสินใจแทน โดยจะถูกระบุในระบบ e-Living Will ซึ่งผู้ตัดสินใจแทนต้องมีบัญชีหรือสมัครเป็นผู้ใช้ระบบ จึงจะมีสิทธิเรียกดูหนังสือดังกล่าวได้ และหรือได้รับอีเมล์เอกสารดังกล่าวได้จากผู้จัดทำหนังสือแสดงเจตนาฯ

5. ลดความกังวลของแพทย์ พยาบาลในการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้าย กล่าวคือ ไม่ต้องห่วงว่าการรักษาจะไม่ได้ผลหรือไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เพราะเป็นภาวะของผู้ป่วยระยะสุดท้ายและเป็นความประสงค์ของผู้ป่วย

5. ลดความกังวลของแพทย์ พยาบาลในการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพราะเป็นความประสงค์ของผู้ป่วย การให้การรักษาที่ตรงตามเจตนาของผู้ป่วยถือว่าเป็นการเคารพสิทธิ เคารพการตัดสินใจของผู้ป่วย ซึ่งแสดงถึงการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มากกว่าความต้องการรักษาชีวิตของหมอหรือญาติ

6. ลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและการใช้ทรัพยากรที่เกินความจำเป็น ไม่เป็นภาระแก่ลูกหลานหรือคนในครอบครัว รวมทั้งระบบบริการสาธารณสุขโดยรวมที่ยังมีผู้ป่วยอีกเป็นจำนวนมาก

6. ลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและการใช้ทรัพยากรที่เกินความจำเป็น ไม่เป็นภาระแก่ลูกหลานหรือคนในครอบครัว รวมทั้งระบบบริการสาธารณสุขโดยรวมที่เน้นและให้ความสำคัญกับการบริการที่ตรงตามเจตนาของผู้ป่วยและการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มากขึ้น

 

7. สามารถแจ้งความประสงค์ด้านอื่นๆ ได้เพิ่มเติม เช่น ด้านการแพทย์ การบริจาคดวงตา อวัยวะ และร่างกาย ด้านสังคม สถานที่ที่ต้องการเสียชีวิต 

          การจัดทำหนังสือแสดงเจตนาการรักษาตัวในระยะสุดท้ายของชีวิต นอกจากจะช่วยทุเลาความทุกข์ทรมานความเจ็บปวดทางกาย ลดความไม่สบายใจความหงุดหงิดดิ้นรนทุรนทุรายจากพันธนาการทั้งปวงทางใจและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันระหว่างญาติ พี่น้อง ครอบครัวแล้ว ยังเป็นการเตรียมตัว เตรียมความพร้อมในขณะที่ยังมีสติสัมปะชัญญะ ถือเป็นการเจริญภาวนาในอีกรูปแบบหนึ่งขณะที่มีสมาธิและสติจดจ่ออยู่กับการตัดสินใจเลือกการให้บริการทางการแพทย์แบบที่เหมาะสมกับตัวเอง และถือเป็นการเจริญปัญญาในมิติสุขภาวะทางปัญญาว่าด้วยความไม่ประมาทในความตายหรือมรณานุสติด้วย  

เมื่อมีสติและถึงพร้อมซึ่งความไม่ประมาทแล้ว ทุกท่านสามารถจัดทำหนังสือแสดงเจตนาฯ แบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ : เข้าสู่ระบบ e-Living Will คลิ๊กที่นี่ หรือ QR Code นี้ได้เลยนะคะ

QR code ระบบ e-Living Will

 สำหรับบุคลากรสาธารณสุขสามารถศึกษาคู่มือและดาวน์โหลดได้ที่ https://www.sem100library.in.th/medias/b14719.pdf

NHCO Q&A