การสานพลังสร้างสภาวะเพื่อลดโรคไม่ติดต่อ


VIEW: 121   SHARE: 0    
เผยแพร่โดย:   by  

โรคไม่ติดต่อ (Noncommunicable diseases: NCDs) เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของประชากรโลกกว่าร้อยละ 74 ของการเสียชีวิตทั้งหมด

                     

          ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนประเทศ ในปี พ.ศ. 2562 ได้มีการประกาศปฏิญญาทางการเมือง (Political Declaration) ของการประชุมระดับสูง แห่งสหประชาชาติ ประกาศความมุ่งมั่นในการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อ โดยมีกรอบนโยบายเน้นการจัดการห้าโรคไม่ติดต่อหลักที่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตและภาระโรคสูง ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง และสุขภาพจิต และห้าปัจจัยเสี่ยงหลักที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ การบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม และภาวะมลพิษทางอากาศ โดยมีการกำหนดเป้าหมายการพัฒนา ที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goal: SDGs) ภายในปี 2573 ที่เกี่ยวข้องกับโรคไม่ติดต่อหลายเป้าหมาย อาทิ SDG 3.4.1 ลดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อลงหนึ่งในสาม

ในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากกลุ่มโรค NCDs คิดเป็นร้อยละ 74 ของเสียชีวิตทั้งหมด หรือประมาณ 400,000 รายต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในรอบสิบปีที่ผ่านมา โดยร้อยละ 12.8 ของคนไทยมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตก่อนอายุ 70 ปีด้วยโรคไม่ติดต่อหลัก ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง จากข้อมูลการศึกษาภาระโรค สาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดการสูญเสียปีสุขภาวะของคนไทย ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคหัวใจขาดเลือดโรคมะเร็ง และปัจจัยเสี่ยงหลักที่ทำให้คนไทยสูญเสียปีสุขภาวะ ได้แก่ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง การสูบบุหรี่/ยาสูบ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาวะความดันโลหิตสูง และภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน ประเทศไทยมีผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวาน 6.5 ล้านคน (ร้อยละ 9.5 ของประชากรไทย) และผู้ป่วยความดันโลหิตสูง 13 ล้านคน (ร้อยละ 25.4 ของประชากรไทย) โดยจำนวนผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 37.7 และ 18.7 ตามลำดับในระหว่างปี 2552-2562 ที่ผ่านมา ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่รู้ตัวว่าป่วย ถึงร้อยละ 30.6 และผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ไม่รู้ตัวว่าป่วยถึงร้อยละ 48.8 โดยเฉพาะในประชากรกลุ่มอายุ 15-44 ปี และพบผู้มีภาวะอ้วนร้อยละ 42.2 รวมมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐศาสตร์จากความเจ็บป่วยและการเสียชีวิตด้วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อ คิดเป็นร้อยละ 9.7 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หรือประมาณ 1.6 ล้านล้านบาทต่อปี โดยส่วนใหญ่เป็นความสูญเสียด้านผลิตภาพในวัยแรงงาน (ร้อยละ 91) และค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาล (ร้อยละ 9)

                            การปรับพฤกติกรรมผู้บริโภค

แม้ว่าประชาคมโลกได้ร่วมกันตอบสนองต่อสถานการณ์ปัญหาโรคไม่ติดต่อมาอย่างต่อเนื่อง มีการกำหนด NCDs ไว้ในเป้าหมายการขับเคลื่อน SDGs และองค์การอนามัยโลกได้กำหนดกรอบการติดตามการดำเนินการควบคุมป้องกันโรคไม่ติดต่อและ 9 เป้าหมายระดับโลก (Global NCD Targets) ที่ต้องบรรลุภายในปี พ.ศ. 2568 และประเทศไทยก็ให้ความสำคัญต่อการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อมาอย่างต่อเนื่อง มีการจัดทำกฎหมาย ยุทธศาสตร์ และแผนระดับประเทศเกี่ยวข้องหลายฉบับเพื่อจัดการกับโรคไม่ติดต่อและปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และมีการพัฒนานโยบายสาธารณะที่เกี่ยวกับการจัดการโรคไม่ติดต่อและปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ผ่านสมัชชาสุขภาพแห่งชาติโดยมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดความตระหนักถึงปัญหาและสร้างความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ ในการจัดการปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมได้ในระดับหนึ่ง เช่น มติ 2.5 ยุทธศาสตร์นโยบายแอลกอฮอล์ระดับชาติ นำไปสู่การพัฒนาแผนปฏิบัติการด้านควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับชาติ มติ 3.3 การควบคุมกลยุทธ์การตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก นำไปสู่การรับรองพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ. 2560 และมติ 2.8 การจัดการปัญหาภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน นำไปสู่การยกร่างกฎหมายพระราชบัญญัติควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก

 

 

 

 

 

 

 

NHCO Q&A